บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน)
บริษัท
เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน)
ประวัติความเป็นมา
บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน)
เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงานทดแทนน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม และน้ำมันพืช ตรา
“พาโมลา” ด้วยกำลังการผลิต
1,150
ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อวันเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว
บริษัทฯมี เครื่องจักรในกระบวนการผลิตและระบบการจัดการในโรงงานที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯคำนึงถึงคุณภาพ
เป็นหลักโดยผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบสกัดจากผลปาล์มที่มีความสดและคุณภาพดี
อีกทั้งการผลิตอยู่ภายใต้การควบคุมของ ฝ่ายควบคุมคุณภาพ (QC) ทุกขั้นตอนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานตั้งแต่การรับเข้าวัตถุดิบ,
ระหว่างผลิต, บรรจุ, การเก็บรักษา,
และตลอดจนการจัดจำหน่าย บริษัทฯ ได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001 :
2008, GMP, HACCP, HALAL, KOSHER, มอก. และ อ.ย. นอกจากนี้ บริษัทฯ
ยังมุ่งเน้นพัฒนาระบบบริหารจัดการ เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าแบบครบวงจร กล่าวคือบริษัทฯ
มีรถขนส่ง ประเภทต่างๆ ได้แก่ รถพ่วง, รถบรรทุก 6
ล้อ และรถบรรทุก 4 ล้อ พร้อมจัดส่งสินค้าตรงตามกำหนด
bullet_greenปี 2549
บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (AIE) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่
4 ตุลาคม 2549
โดยบริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) มีสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 75
เพื่อประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายพลังงานทดแทนน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม
และน้ำมันพืช ตรา “พาโมลา” ด้วยกำลังการผลิต
300 ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อวัน
ด้วยระบบการกลั่นและการผลิตที่เป็นระบบต่อเนื่องและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
น้ำมันไบโอดีเซล สามารถนำมาทดแทนน้ำมันดีเซลที่ใช้ในระบบขนส่งประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้น้ำมันไบโอดีเซลคือลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ
ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
bullet_greenปี 2551
บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน HALAL
bullet_greenปี 2552
บริษัทได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพตามมาตรฐาน
ISO 9001:2008 จากสถาบันรับรองมาตรฐาน ISO, HACCP,
GMP, Kosher และเข้าร่วมเป็นสมาชิก RSPO (Roundtable
Sustainability of Palm Oil) สนับสนุนการใช้ผลปาล์ม
อย่างยั่งยืน
» บริษัทฯได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 300
ล้านบาท เป็น 370 ล้านบาท และทุนที่ชำระแล้ว 370
ล้านบาท เพื่อลงทุนสร้างหอกลั่น 2 เพิ่มกำลังการกลั่นอีก 800
ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อวัน ซึ่งทำให้บริษัทฯมีกำลังการกลั่น รวม 1,100
ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อวัน
» บริษัทฯ
ได้รับสิทธิบัตรส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในส่วนของหอกลั่น
2 ซึ่งมี กำลังกลั่น 800
ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อวัน
bullet_greenปี 2554
บริษัทฯได้พัฒนาเพิ่มกำลังการผลิตหอกลั่น 1
เป็น 350 ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อวัน
ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการกลั่นรวม 1,150 ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อวัน
bullet_greenปี 2556
» บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 960
ล้านบาท
» บริษัทฯ ได้ลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ของบริษัท
เอไอ พอร์ท แอนด์ เทอมินัล จำกัด (AIPT) ประกอบกิจการให้
บริการท่าเรือและคลังสินค้า และบริษัท เอไอ โลจิสติกส์ จำกัด (AIL) ประกอบกิจการเรือขนส่งทางทะเล
จากบริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) (AI)
นโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการ
คณะกรรมการบริษัท
เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน)
ประกอบด้วยกรรมการที่เป็นผู้บริหารงานของบริษัท และกรรมการที่เป็นอิสระ
คณะกรรมการบริษัททราบถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบว่าต้องใช้ความรู้ความ
สามารถและประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจและมีจริยธรรมในการ
ดำเนินธุรกิจ
ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัท
ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น
1.
สิทธิของผู้ถือหุ้น
คณะกรรมการบริษัท
ให้ความสำคัญแก่การประชุมผู้ถือหุ้น
และมีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกโดยจัดกระบวนการประชุมผู้ถือหุ้นในลักษณะที่
สนับสนุนให้มีการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกันในการเข้าร่วม ประชุม
การได้รับข้อสนเทศ
ซักถามและการใช้สิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น และคณะกรรมการบริษัท
มีหน้าที่เข้าร่วมประชุมเพื่อตอบคำถามของผู้ถือหุ้นโดยพร้อมเพรียงกัน
คณะกรรมการบริษัท
จัดให้มีการจัดทำรายงานการประชุมให้เสร็จสมบูรณ์และแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ ผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และเว็บไซต์ของบริษัท เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ไม่เกิน 14 วันนับจากวันประชุม
2.
บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย
ในระบบการกำกับดูแลมีผู้มีส่วนได้เสีย
หลายกลุ่มด้วยกัน ที่สำคัญได้แก่ กลุ่มลูกค้า ฝ่ายจัดการรวมลูกจ้าง คู่ค้า
ผู้ถือหุ้น หรือผู้ลงทุน ผู้สอบบัญชีอิสระ ภาครัฐ และชุมชนที่บริษัทตั้งอยู่
กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียอื่นได้แก่ คู่แข่ง และเจ้าหนี้ เป็นต้น
แต่ละกลุ่มมีวัตถุประสงค์และความคาดหวังที่ต่างกันจากกิจการ
คณะกรรมการควรรับรู้ถึงสิทธิของผู้มี
ส่วนได้เสียได้แก่ ลูกจ้าง คู่ค้า ชุมชน คู่แข่ง เจ้าหนี้ ตามที่กฎหมาย
กำหนดและดูแลให้มั่นใจว่าสิทธิดังกล่าวได้รับการคุ้มครองและปฏิบัติด้วยดี ทั้งนี้
ควรสนับสนุนให้มีการ
ร่วมมือกันระหว่างบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียในการสร้างความมั่งคั่ง สร้างงาน
และสร้างกิจการให้มีฐานะ การเงินที่มั่นคง
3.
การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส
คณะกรรมการบริษัท มีหน้าที่ในการเปิดเผยสารสนเทศ
ทั้งที่เป็นสารสนเทศทางการเงิน และ ที่ไม่ใช่ทางการ เงินอย่างเพียงพอ เชื่อถือได้
และทันเวลา เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ของบริษัทได้รับสารสนเทศ
อย่างเท่าเทียมกันตามที่กำหนดโดยกฎหมายข้อบังคับของบริษัท
และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
สารสนเทศของบริษัท จะต้องจัดทำขึ้นอย่างรอบคอบ
มีความชัดเจน ถูกต้อง และโปร่งใส ด้วยภาษาที่กระชับ เข้าใจง่าย
มีการเปิดเผยสารสนเทศที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้านบวกและด้านลบ
มีหน่วยงานประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนพนักงาน
ผู้ที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชนทั่วไปและมีหน่วยงานนักลงทุน
สัมพันธ์ทำหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัท ในการ สื่อสารกับผู้ถือหุ้น สถาบันทางการเงิน
และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
คณะกรรมการบริษัท มีหน้าที่ในการเสนอรายงานการประเมินฐานะ
และแนวโน้มของบริษัท โดยสรุป ใน
ลักษณะที่เข้าใจได้ง่ายไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท
คณะกรรมการบริษัท
ต้องจัดให้มีการทำงบดุลบัญชีกำไรขาดทุนและรายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบ
บัญชีพร้อมทั้งรายงานประจำปีของคณะกรรมการเสนอ ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปี
เพื่อพิจารณาอนุมัติ
คณะกรรมการบริษัท
ต้องจัดทำรายงานอธิบายถึงความรับผิดชอบของตนในการจัดทำรายงานทางการเงิน
โดยแสดงควบคู่กับรายงานของผู้สอบบัญชีในรายงานประจำปี
คณะกรรมการบริษัท
ต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของบริษัท ตามกฎเกณฑ์ของ
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คณะกรรมการบริษัท
ต้องเปิดเผยการเข้าร่วมประชุมของกรรมการ และ/หรือกรรมการเฉพาะเรื่อง โดย
เปรียบเทียบกับจำนวนครั้งของการประชุมคณะกรรมการ
และ/หรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องในแต่ละปีใน รายงานประจำปี
4.
จริยธรรมธุรกิจ
คณะกรรมการบริษัท
ควรส่งเสริมให้จัดทำแนวทางเกี่ยวกับจริยธรรมธุรกิจหรือจรรยาบรรณ (Code of ethics) เพื่อให้กรรมการ
ผู้บริหาร และลูกจ้างทุกคนได้ทราบ และเข้าใจถึงมาตรฐานการปฏิบัติตนตามที่บริษัทและผู้
ถือหุ้นคาดหวังรวมทั้งเฝ้าสังเกตให้มีการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง
5.
ระบบการควบคุมและการตรวจสอบภายใน
คณะกรรมการบริษัท
ควรจัดทำรักษาไว้และทบทวนระบบการควบคุมทั้งการควบคุมทางการเงิน การ ดำเนินงาน
และการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน(Compliance
controls) ตลอดจนการจัดการความเสี่ยงและการให้
ความสำคัญกับสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าและรายการผิดปกติทั้งหลายคณะกรรมการ
บริษัทควรจะให้มีงาน ตรวจสอบภายในแยกเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัท
6.
ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
คณะกรรมการบริษัทมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ
บริษัทและการกำกับดูแลให้
การบริหารจัดการเป็นไปตามเป้าหมายและแนวทางที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แก่ผู้ถือหุ้น อยู่ในกรอบ ของการมีจริยธรรมที่ดี
และคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ในการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้แต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนิน
หน้าที่กรรมการบริษัทในการเข้าประชุมคณะกรรมการ
ยกเว้นมีเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้
คณะกรรมการบริษัท
กำหนดให้มีการประชุมเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3 เดือนครั้ง ประธานกรรมการเป็นประธาน การประชุมและ
กำหนดระเบียบวาระการประชุม ดูแลให้กรรมการได้รับเอกสารการ ประชุมล่วงหน้าก่อน
การประชุมเป็นเวลาเพียงพอสำหรับการศึกษาและพิจารณาเรื่องเพื่อการให้ความ
เห็นและการออกเสียง ลงคะแนน ดูแลให้เอกสารการประชุมมีสาระข้อมูล
การวิเคราะห์และข้อเสนอแนะเพียงพอและเหมาะสม
ในที่ประชุมประธานกรรมการมีหน้าที่สรุปประเด็นเรื่องในวาระการประชุมเพื่อการ
พิจารณาของกรรมการ
เปิดโอกาสและสนันสนุนให้กรรมการแต่ละคนแสดงความคิดเห็นและประมวลความเห็นและ เสนอ
ข้อสรุปที่ได้จากที่ประชุม
ในการพิจารณาเรื่องหนึ่งเรื่องใด
กรรมการมีสิทธิขอดูหรือตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้อง ขอให้ฝ่ายบริหารชี้แจง
ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม ตลอดจนจัดหาที่ปรึกษา
หรือผู้เชี่ยวชาญภายนอกมาให้ความเห็น โดยบริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้
การลงมติให้ใช้คะแนนเสียงข้างมากและหากมีกรรมการคัดค้านมติดังกล่าวให้บันทึกคำคัดค้านนั้นไว้ใน
รายงานการประชุม
คณะกรรมการบริษัทได้จัดให้มีเลขานุการการทำหน้าที่ให้การสนับสนุนการจัดเตรียม
ระเบียบวาระการ ประชุมทำหนังสือเชิญประชุม ดูแลและจัดการประชุม จัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับการประชุม
และให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการปฏิบัติ ของคณะกรรมการบริษัท
ให้เป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการบริษัทควรทำรายงานอธิบายถึงความรับผิดชอบของตนในการจัดทำรายงานทาง
การเงินโดย แสดงควบคู่กันไปกับรายงานของผู้สอบบัญชีประจำปีรายงานของคณะกรรมการบริษัท
ควรครอบคลุมใน เรื่องสำคัญๆ
ตามข้อพึงปฏิบัติที่ดีสำหรับกรรมการบริษัทจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์เสนอ แนะ
ธุรกิจของบริษัทและในการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
คณะกรรมการบริษัทกำหนดในเรื่องดังต่อไปนี้ เป็น อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัทที่จะเป็นผู้พิจารณา
อนุมัติ
1.
นโยบาย ยุทธ์ศาสตร์การทำธุรกิจ แผนงาน และงบประมาณประจำปีของบริษัทฯ
2.
ผลงานและผลประกอบการประจำไตรมาสของบริษัทเทียบกับแผนและงบประมาณและพิจารณา
แนวโน้มระยะต่อไปของปี
3.
การซื้อและจำหน่ายสินทรัพย์การซื้อกิจการและเข้าร่วมในโครงการร่วมทุนที่ไม่ขัดกับเกณฑ์ของ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
4.
การทำธุรกรรมหรือการกระทำใดๆ อันมีผลกระทบที่สำคัญต่อฐานะการเงิน ภาระหนี้สิน
ยุทธ์ศาสตร์
การทำธุรกิจ
และชื่อเสียงของบริษัทฯ
5.
การทำสัญญาใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจปกติ และสัญญาที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจปกติที่มีความ
สำคัญ
6.
การทำรายการเกี่ยวโยงกันระหว่างบริษัท บริษัทย่อย บริษัทร่วม
กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ในส่วนที่
ไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
7.
ธุรกรรมใดๆ ที่มีผลให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเกิน 1
: 1
8.
การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล
9.
การเปลี่ยนนโยบายและวิธีปฏิบัติที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับการบัญชีการบริหารความเสี่ยงและการเก็บ
รักษาเงิน
10.
การกำหนดและทบทวนอำนาจอนุมัติที่มอบให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจ้าหน้าที่บริหารหรือผู้
อำนวยการสายธุรกิจ
11.
การเสนอแต่งตั้งและการสิ้นสุดสถานภาพของกรรมการและเลขานุการบริษัทฯ
12.
การมอบอำนาจหน้าที่ให้ประธานกรรมการบริษัทฯ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
หรือกรรมการบริษัทฯ
คนใดคนหนึ่ง
รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข การมอบอำนาจหน้าที่ดังกล่าว
13.
การจัดให้มีการกำกับดูแลให้มีการบริหารการจัดการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
14.
การดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ
และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ของบริษัทฯ
7.
ความสัมพันธ์กับผู้ลงทุน
คณะกรรมการบริษัท
ควรดูแลให้มั่นใจว่าบริษัทได้เปิดเผยสาระสนเทศที่สำคัญของบริษัทอย่างถูก ต้องและ
อย่างโปร่งใสโดยควรจัดให้มีหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบงานเกี่ยวกับผู้ลงทุน สัมพันธ์
(Investor Relations) เพื่อเป็นตัวแทนในการสื่อสารกับผู้ลงทุนที่เป็นสถาบัน
ผู้ถือหุ้นรวมทั้งนักวิเคราะห์ทั่วไป และภาครัฐที่
เกี่ยวข้องคณะกรรมการควรจัดหาทรัพยากรอย่างเพียงพอเพื่อช่วยพัฒนาความรู้
ความสามารถของเจ้าหน้าที่ ในการนำเสนอสาระสนเทศและการติดต่อสื่อสาร

3 ความคิดเห็น:
สุ๊ดยอดดดดดด.....!!
เฮ้ย ดีหวะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่า
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก